Archive for มิถุนายน, 2005

iTunes กับ ข้อดี 10 ประการ

มิถุนายน 30, 2005
วันนี้มาขายของครับ
อันเนื่องมาจาก iTunes ออกเวอร์ชันใหม่
พร้อมฟังก์ชันใหม่ล่าสุด PodCast ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ในฐานะสาวกซึ่งอาจเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่ต้องเผยแผ่ลัทธิ
วันนี้ผมยังเชื่อมั่นมากว่าตอนนี้ iTunes ถือเป็นโปรแกรมเล่นเพลงที่เจ๋งที่สุดในใต้หล้า
 
วันนี้ blog ยาวไปหน่อย พิมพ์เพลิน หากใครไม่ใช่คนชอบอ่านอะไรยาว ๆ ก็ข้ามตัวอักษรสีน้ำตาลด้านล่างไปได้เลย
 
แน่นอนเชื่อว่าคนไทยยังไงก็ต้องคุ้นกับ winamp เป็นอย่างแน่แท้ผมก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้ Winamp มาก่อนตั้งแต่เวอร์ชันแรก ๆ เลยจนกระทั่ง Ver. 5 กว่า ๆ (เจ้านี้เค้าอัพเวอร์ชันกันหลายจุดเหลือเกินจำไม่ไหว)ตอนที่รู้สึกว่าเข้าท่าคือรุ่น 2.xx แต่พอรุ่น 3 เปิดตัวระบบคลังเพลง (Library) ก็รู้สึกว่ามันใช้ยากพิกล ซึ่งในที่ Nullsoft ก็มาปรับให้ฟังก์ชันต่าง ๆ ลงตัวก็ Ver. 5 นี่แหละครับแต่ว่าสิ่งที่ Winamp แพ้ iTunes ไปหน่อยคือ ผมรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องกดหลายที่กว่าจะเล่นเพลงได้และแต่ละชิ้นมันแยกกันไปแยกกันมา ต้องมาคอยหาหน้าต่างนั้นหน้าต่างนี้ เปิดไป ปิดมา งง
 
ตามประสาคนชอบลอง ผมก็แอบไปใช้ Jukebox อีกหลายตัว ซึ่งแต่ละตัวก็มีจุดดีจุดด้อยต่างกันWindows Media Player ที่แถมมากับ windows น่ะแหละครับเอาเป็นว่าก็ลอง ๆ มาตลอด และได้ข้อสรุปว่างงครับทั่นคือผมว่ามันเก่งไปหน่อย หาอะไร ๆ ก็รู้สึกต้องกดหลายที
 
MusicMatch Jukebox ก็ลองดูเหมือนกันตอนแรกรู้สึกชอบและใช้แทน Winamp อยู่นาน ด้วยฟังก์ชันเพียบล้นจอทั้ง แปลงฟอร์แมตไฟล์ ระบบ Jukebox ที่ดี มีระบบ AutoDJ ที่จัดเพลงให้อัตโนมัติเหมือนมี DJ มาเปิดเพลงให้ฟัง แต่ด้วยความช้าในการทำงาน และพอมาเวอร์ชั่น 10 MusicMatch ก็โดดเข้าวงไพบูลย์การขายเพลงออนไลน์ นั่นทำให้โปรแกรมมันเอ๋อ ๆ ขึ้นมาถ้าเราไม่ได้ต่อเน็ต ทำให้ตกกระป๋องไปอย่างรวดเร็ว
 
Real ก็เคยลอง แต่ว่าโฆษณาเยอะไปหน่อย เลยตกไปในกระป๋องเดียวกับ MusicMatch น่ะแหละ
 
อันว่าพอมาวันหนึ่ง หลังจากต้องมนต์เสน่ห์แอปเปิ้ล และรู้ว่า iTunes ออกเวอร์ชั่นสำหรับ windowsผมก็ได้นำมาลอง ตอนแรก ๆ ก็ไม่ค่อยชอบหรอกนะครับ หน้าตาก็สวยดี แต่ไม่ค่อยคุ้น มันดูหน้าต่างใหญ่ ๆ และเทอะทะไม่ค่อยเหมือน Winamp แต่พอใช้นาน ๆ เข้า เฮ้ย! เจ๋งเว้ย ๆ เลยอดเอามาแนะนำกันไม่ได้วันนี้จะขอไล่ข้อดีในการนำ iTunes มาใช้ก่อนเพื่อหลอกล่อให้ไปโหลดมาใช้กัน เหอ เหอ อ้อ หากสนใจดาวน์โหลดได้ที่ www.apple.com/itunes นะครับ
 
ข้อดีของ iTunes
 
1. กด space bar เพื่อเล่นและหยุดเพลงได้ … เอ่อ อย่าเห็นว่าไม่สำคัญนะครับ นี่เป็นความประทับใจแรก ๆ เลย คือถ้าใครเคยใช้โปรแกรมทำเพลงบ่อย ๆ จะรู้ว่ามันสะดวกมือดี อย่างปุ่ม X เพื่อเล่นของ Winamp ก็หายากหรือปุ่ม Ctrl + P ของ WMP ยิ่งแล้วใหญ่ กดยากเหลือเกิน
 
2. หน้าตาเรียบง่าย และฟังเพลงได้อย่างเดียว …เอ่อ คือมันทำให้ตัวมันเร็ว ไม่โหลดเครื่อง ไม่กินแรม และทำหน้าที่ตัวเองได้ดีที่สุด เหมือนสาวโรงงานที่วัน ๆ ย้อมผ้าอย่างเดียว เค้าจึงย้อมผ้าได้สวยและรวดเร็วเป็นอย่างมาก
 
3.ระบบจัดการเพลงที่สุดยอด ค้นเพลงทันทีที่ key ไม่ต้องกด enter ก่อน คืออย่าง WMP มันจะให้เรากด Enter จากนั้นจะค้นเพลงที่เกี่ยวข้องให้ แต่ว่าใน iTunes คุณเพียงแค่พิมพ์คำว่า Black เพลงที่มีคำว่า Black ทั้งหมดก็ขึ้นมาทันที ไม่ต้อง Enter อันนี้ต้องลองเองจะเข้าใจว่ามันสะดวกกว่า
 
4. ฟังวิทยุได้ฟรี มีวิทยุอินเตอร์เน็ตให้เลือกเพียบ เพลงเกือบทุกแนว ทั่วโลก สวรรค์ของนักฟังเลยล่ะ
 
5.โชว์รูปศิลปินได้ และย่อตัวเองไปใน Task bar ได้ ทำให้เปิดปิดเพลง ลดเสียง เลื่อนเพลงได้ โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมขึ้นมาเต็มจอ สะดวกมาก ๆ
 
6.ระบบเปลี่ยนชื่ออัลบั้ม เปลี่ยนชื่อเพลง ที่มีประสิทธิภาพ สามารถทำงานกับเพลงหลาย ๆ เพลงพร้อมกันได้
 
7.ระบบ Playlist ที่ยอดเยี่ยม รายชื่อไม่ต้องกดแล้วกดอีกหลายชั้นซับซ้อนแบบ WMP และก็รวมอยู่ในหน้าเดียว(คอลัมภ์ซ้าย)ของโปรแกรม ไม่ต้องเปิด ๆ ปิด ๆ แบบ Winamp ถ้าอยากสร้าง playlist ก็ search จากที่ค้น แล้วก็เลือกทั้งหมด ยกมาวางที่คอลัมภ์ Playlist ทางซ้ายคุณก็ได้ Playlist ขึ้นมาใช้งาน ง่ายสุด ๆ
 
8.ระบบ SmartPlaylist สุดเจ๋ง คิดดูจะดีแค่ไหนถ้าคุณสามารถกำหนดให้ Playlist ของคุณปรับเปลี่ยนตัวเองได้โดยอัตโนมัติ อย่างเช่นผมต้องการให้ Playlist นี้เลือกเพลงที่ผมเล่นบ่อยที่สุดในช่วงนี้ออกมา 25 รายชื่อโดยในนั้นต้องเป็นเพลงที่ออกอัลบั้มในปี 2005 เท่านั้น ….. สุดยอด!!!
 
9.ไรท์เพลงลงแผ่นได้ สั่งให้ปรับแต่ง EQ เปลี่ยนตามเพลงที่กำหนดได้ จัดเพลงให้ฟังแบบ PartyShuffle ได้โดยจะเลือกเพลงแบบสุ่มให้เราอัตโนมัติ ปรินท์ปกซีดีจาก Playlist ได้ทันที
 
10. ฟัง Podcast ได้ ซึ่ง Podcast นั่นก็คือสถานีวิทยุแบบ MP3 โดยใครก็ได้สามารถจัดตั้งสถานีวิทยุเป็นของตัวเอง ลงทะเบียนไว้กับทาง Apple จากกนั้นผู้ใช้ iTunes สามารถลงทะเบียนขอฟัง พอเจ้าของสถานีโหลดไฟล์ MP3 เสียงการจัดรายการของตัวเองขึ้นไป iTunes จะเตือนคุณว่ามีไฟล์วิทยุมาใหม่นะ คุณก็โหลดมาฟังได้ทุกวันที่ iTunes หรือโหลดเข้า iPod และนำไปฟังบนรถก็ได้
 
พอละเดี๋ยวยาวไปกว่านี้ (แค่นี้ก็ยาวจะแย่แล้ว) เอาเป็นว่าอยากให้ลองเอามาใช้ดู แล้วจะติดใจ ขอบอก พรุ่งนี้มาดูวิธีใช้งานกันว่าง่ายแค่ไหน
 
PS. อ่านสุนทรพจน์ของ Steve Jobs CEO บริษัท Apple ที่ให้กับนักศึกษา Stanford ได้ ที่นี่ (ภาษาไทย)

.Triple X กับ Cyber Inspector

มิถุนายน 29, 2005
หลังจากที่ยื้อกันอยู่นาน ในที่สุด  ICANN หน่วยงานอิสระที่ดูแลโดเมนเนมทั่วโลก (ประมาณว่าถ้าคุณอยากจะมีชื่อเป็น .com .net อะไรทำนองนี้ก็ต้องไปขอและจ่ายเงินให้ ICANN เป็นรายปีครับ) ก็ยอมให้มีสกุลใหม่ล่าสุด .เอ็กซ์เอ็กซ์เอ็กซ์ (คือว่าพิมพ์ภาษาอังกฤษแล้วมันบล็อกคำน่ะครับ) โดยงานนี้อยู่ในการครอบครองสิทธิ์โดย ICM Registry โดยคิดค่าจดสนนราคาที่ 75 ดอลลาห์ / ปี (แพงนะ .com นี่แค่สี่ร้อยกว่าบาทต่อปีเอง) โดยยังอุตส่าห์มีข้อแม้อีกว่ารับจดทะเบียนเว็บโป๊ทุกชนิด ยกเว้นเว็บโป๊เด็กเท่านั้น
 
ส่วนคุณสุดารักน์ (นามสมมุติ) อาจกำลังกุมขมับปวดหัวกับความหม่นมืดของอินเตอร์เน็ต แต่ก็มีคำแก้ตัวของทางฝ่ายเว็บโป๊เหมือนกัน
 
สุดารักน์ : นี่พวกคุณน่ะ แค่นี้เว็บโป๊ก็เต็มบ้านเต็มเมืองจนสั่งบล็อคกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ยังจะมาทำก๋ากั่น เปิดโดเมนใหม่ให้อุจาดกันไปกว่านี้อีกเหรอ
สุดโปี.com : นี่คุณสุดารักน์ พวกผมก็ทำมาหากินนะคร้าบ
สุดารักน์ : หากินบนเรือนร่างพวกฉันน่ะสิ
สุดโป๊.com : เอ่อ อย่างป้า เอ้ย คุณ นี่เรามิบังอาจหรอกคร้าบ และอีกอย่างทำอย่างกับว่าถ้าหากว่าไม่มี .ทริปเปิ้ลเอ็กซ์ พวกผมจะเลิกกิจการงั้นแหละ
สุดารักน์ : แล้วลูกเล็กเด็กแดงล่ะ ยิ่งหาเว็บโป๊ง่ายเข้าไปอีกสิ
สุดโป๊.com : นี่แสดงว่าไม่เคยเล่นเน็ต คุณเสิร์ชใน Google.com ที่เดียวด้วยคำว่า  sex ก็มีหน้าเพจที่เกี่ยวข้อง 76,700,000 หน้า ดูจนเหี่ยวก็ดูไม่หมดหรอกนะค้าบ (ถ้าดูหน้าละ 1 นาที คุณต้องใช้เวลาประมาณ 145.93 ปี ถึงจะดูหมด นี่เป็นกรณีที่เว็บโป๊หยุดอัตราการเติบโตนะ)
สุดารักน์ : ใครจะไปเคยกัน
สุดโป๊.com : แล้วนี่คิดดูนะตอนนี้เว็บโป๊ก็เป็น .com กันหมด คุณก็บล็อกยากไง เพราะไม่รู้เว็บไหนดี เว็บไหนไม่ดี ใช่มะ ถ้าทุกเว็บเป็น .ทริปเปิ้ลเอ็กซ์ คุณก็บล็อกโดเมนให้ทั้งประเทศดูไม่ได้เลยไง สะใจไหม ง่ายดีด้วย
สุดารักน์ : เออ จริงด้วย ๆ ไปล่ะ รีบแจ้ง "สารวัตรอินเตอร์เน็ต" ดีกว่าเรา
ว่าแล้วคุณสุดารักน์ก็วิ่งไปสถานีตำรวจอินเตอร์เน็ต Cyber Inspector พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
สุดโป๊.com : เรื่องอะไรจะไปจดใหม่วะ ต้องแจ้ง address ลูกค้าใหม่ แพงก็แพงกว่า เดี๋ยวก็โดน กองตำรวจไซบ้าบล็อกอีก เผลอ ๆ ซวยโดนสั่งปิดแบบ fm9225 อีก เอ้อ(สุดโป๊.com บ่นอุบ)
 
PS.iTunes เวอร์ชั่น 4.9 ออกแล้วนะครับ พร้อมฟังก์ชันใหม่แกะกล่อง Podcasting ซึ่งเป็นความสามารถที่ Jobs บอกในวันงาน WWDC 2005 ให้คุณสามารถมีสถานีวิทยุเป็นของตัวเอง !!! พร้อมยกเลิกสายการผลิต iPod จอขาวดำ และเปิดตัว iPod photo 20 GB ราคาเพียง $299 โอว พระเจ้ายอดมันจ๊อดมากกก!!

ซีไรต์ กับ หนังสือเข้ารอบ 8 เล่มสุดท้าย

มิถุนายน 28, 2005
แต่ละปีไม่รู้ว่ามีใครติดตามผลประกาศรางวัลไหนกันบ้าง ในปี ๆ หนึ่งมีการประกวดมากมายที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีในทุกวงการ หนึ่งในวงการที่เรียกว่าไม่ค่อยจะคึกคักมาแต่ไหนแต่ไรก็คือวงการหนังสือ ซึ่งรางวัลใหญ่สุดของงานนี้คงจะหนีไม่พ้น รางวัลซีไรต์
 
เข้าใจว่าปีที่ซีไรต์ดังที่สุดน่าจะเป็นปีที่ปราบด้าได้รับรางวัลจากหนังสือที่มีชื่อว่า "ความน่าจะเป็น" ซึ่งเป็นหนังสือที่เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่า มันมี"ความน่าจะเป็น"ต่ำมากที่เราจะอ่านรู้เรื่องผมอ่านตั้งแต่ก่อนหนังสือจะได้รางวัลแล้ว(ส่วนตัวจะเซ็งมากถ้าหนังสือที่ซื้อมามีโลโก้ซีไรต์แปะอยู่ ดูไม่เก๋าเป็นอย่างแรง และจะ cool มากถ้าเล่มที่มีเป็นพิมพ์ครั้งแรก)
 
เรื่องสั้นในหนังสือเล่มดังกล่าวสนุกดี แต่อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่ขอบอกว่าดีหรือไม่ดี เอาเป็นว่าชอบก็แล้วกัน ถึงขนาดตามล่าลายเซ็นคุณปร้าบด้ามาจนได้
 
อันว่าปีนั้นเรื่องมันแหม่ง ๆ (ไม่ใช่เหม่ง ๆ เพราะนั่นคือหัวของเขา) ก็เพราะมีหลายคนเชื่อว่า ภาพลักษณ์ปร้าบด้าที่เป็นลูกนักข่าว เป็นแฟนดารา แถมหล่อร่างใหญ่ จบนอก เขียนหนังสือไม่รู้เรื่อง จะทำให้ซีไรต์เป็นที่กล่าวขาน และ"เป็นข่าว" มากที่สุด (ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ น่ะแหละ)
 
เอาว่าปี ๆ นึงผมก็มีติดตามข่าวสารงานประกวดอยู่ไม่กี่งาน ที่แน่ ๆ ก็มี ซีไรต์ (ไม่นับปีที่เป็นกลอนนะครับ ไม่ใช่แนว) มีออสการ์ และก็คานส์ ส่วนที่เหลือก็ไม่ค่อยสนเท่าไหร่ คิดออกจะบอกอีกทีนะเออ
ปีนี้ซีไรต์เป็นคิวของเรื่องสั้น (เข้าทางมาก) มีเข้าโผทั้งสิ้น 8 เล่มด้วยกันดังนี้
 
1. เจ้าหงิญ ของ บินหลา สันกาลาคีรี
2. ต้นไม้ประหลาด ของ อุเทน พรมแดง
3. นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได ของจักรพันธุ์ กังวาฬ
4. นิทานกลางแสงจันทร์ ของ ประชาคม ลุนาชัย
5. เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง ของศิริวร แก้วกาญจน์
6. ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไป ของจำลอง ฝั่งชลจิตร
7. สายลมบนถนนโบราณ ของ มาโนช พรหมสิงห์
8. อุบัติการณ์ ของวรภ วรภา
 
และแน่นอนปีนี้ก็มีกลิ่นตุ๊ ๆ ของงานประกวดกันเล็กน้อยพองาม แต่เป็นเรื่องของกรรมการที่หายไป 1 ท่านอย่างเป็นปริศนา จากที่เป็น 7 ก็เหลือเพียง 6  หลังจากที่ 6 ท่านบ่ายเบี่ยงอยู่นาน สุดท้ายความจริงก็เปิดเผย ว่ากรรมการที่ต้องจากไปเนื่องจากใช้อำนาจในทางมิชอบ อะแน่ะ ใครว่ามีแต่การเมืองเท่านั้นที่ทำเป็น ก็รอลุ้นกันต่อไป
 
ไม่รู้มีใครได้ตามอ่านบทสัมภาษณ์วงศ์ทนง กับ อธิคมกันบ้างหรือเปล่า ส่วนตัวและหลาย ๆ คนลงความเห็นเป็นที่ตรงกันว่า วงศ์ทนงชกเจ็บกว่า ส่วนอธิคมดูเป็นมวยพริ้วไหว ปรัชญาไปหน่อย เลยดูอ่อนเชิงกว่าในเวทีนี้ แต่ก็เป็นข้อบ่งชี้ที่ดีว่า คนนึงเป็นนักการตลาด คนนึงเป็นนักปรัชญา สมดังว่า "นับถือศาสดาคนละองค์" (แต่ส่วนตัวผมเชียร์บก. คมมาก นะ และงานนี้อธิคมดูเป็นพระเอกกว่า)
 
PS. ว่าแต่ว่าไอ้หนังสือ "เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง" นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย!!
PS2. บิลเกตส์ เยือนไทย พฤหัสนี้ เค้าว่ากันว่าเป็นครั้งแรก แต่ผมว่าอีตาเกตส์นี้คงเคยแอบมาเที่ยวภูเก็ตบ้างแหละ ทะเลบ้านเราดังจะตายเนอะ

ยอร์ช กับ Wristband (ภาค 2)

มิถุนายน 27, 2005

กรุณาอ่าน Blog วันที่ 09 June ก่อน เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติม
http://spaces.msn.com/members/Noppon2005/Blog/cns!1p51z79EWPSld3xiAfck9T-A!157.entry

หลังจากที่มีเสียงตอบรับมาอย่างอบอุ่นจากผู้มีจิตกุศล
ซึ่งหลั่งไหลมาจากทั่วทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทางคุณยอร์ชได้ตระหนักถึงกระแสดังกล่าว
สบช่องทางอาศัยสิ่งที่เรียกว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก, น้ำมาป๋ากินหมด
จึงได้เพิ่มรุ่นของ Wristband ใหม่ขึ้นมา
เพื่อให้การกระจายตัวของสายรัดข้อมือรุ่นใหม่
เข้าถึงผู้บริโภคหลากประเภทจึงได้ผลิต Wristband
เพิ่มขึ้นถึง 4 รุ่นด้วยกัน

1. i Love You เพื่อจับกลุ่มเด็กขี้อายม้วนต้วน ที่ไม่กล้า
บอกรักหญิงสาวหรือชายหนุ่มที่ตนหมายปอง สามารถ
มอบ Wristband แทนความในใจได้ทันที สะดวกสบาย
ไม่ต้องพูดมาก ก็สื่อถึงกันได้อย่างมีความหมายลึกซึ้ง

2. ยืมตังค์หน่อย เพื่อจับกลุ่มเด็กยากไร้ หรือพยายามจะยากไร้
เพื่อให้การพูดคำพูดอันยากเย็นนี้ เป็นไปได้อย่างง่ายดาย
รวมทั้งทำให้โอกาสผิดใจกับเพื่อนน้อย เพราะเพื่อนจะรับทราบว่า
เราใจบุญ มีใจอันเป็นกุศลก่อน (จากการที่เราอุดหนุน Wristband)
หลังจากนั้นก็จะให้เรายืมตังค์อย่างง่ายดาย

3. Grand Sport เพื่อจับกลุ่มผู้ชอบเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ
เพื่อให้การผลิตครั้งนี้เป็นไปโดยมีการกุศลบังหน้า เอ้ย เป็นที่ตั้ง
ทางคุณยอร์ชจึงได้ติดต่อไปยัง Grand Sport
บริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาชื่อดังเพื่อทำการขออนุญาต
ทำการผลิต Wristband รุ่นนี้ขึ้น โดยในส่วนค่าใช้จ่าย
ทาง Grand Sport จะรับผิดชอบส่วนของสาย
และทางมูลนิธิจะดูแลในส่วนขึ้นรูปเป็นเส้นโค้ง
รวมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อจำหน่ายต่อไป

4. TKS เพื่อจับกลุ่มข้าราชการพลเรือน
ซึ่งเป็นผู้ซึ่งห่างไกลกับเรื่องของ Wristband
ทางคุณยอร์ชจึงได้ทำการติดต่อไปยังบริษัท TKS
ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกระดาษต่อเนื่องรายใหญ่
เพื่อผลิตเป็น Wristband โดยมีคอนเซ็ปต์
เหมือนกับกรณีของ Grand Sport
หากยังงงกรุณากลับไปอ่านข้อ 3 อีกครั้ง

แม้ว่าสินค้าในล็อตแรกรุ่น "MONEYSTRONG"
จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแต่ทางคุณยอร์ช
ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่นที่จะคงราคาเดิมไว้
คือเส้นละ 1,806 บาท (ยังไม่รวมภาษามูลค่าเพิ่ม)
เพื่อแสดงเจตจำนงค์ในงานครั้งนี้ว่าเป็นการกุศลล้วน ๆ

จองด่วน สินค้ามีจำนวนจำกัด
หากสั่งซื้อภายใน 30 นาทีนี้ สินค้าทั้งหมดฟรีค่าจัดส่ง!!

PS. บก. อธิคม แห่ง adayweekly ออกมาตอบโต้บทสัมภาษณ์ของวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ( http://www.bangkokbiznews.com/jud/wan/20050603/news.php?news=column_17715963.html ) อย่างเผ็ดร้อน ดุเดือดแค่ไหน ติดตามได้ที่ http://www.bangkokbiznews.com/jud/wan/ 

PS2. บังเอิญเห็นในบอร์ด www.biscopemagazine.com ว่าหนังอะไรเอ่ยเวลาดูต้องใช้ผ้าอนามัย? เฉลยว่า Memento (มี – เม็น – โต้) อ่ะนะ คิดได้ไงเนี่ย อ้อ ท้าย ๆ มีคนถามอีกว่าแล้วถ้า Men in Black นี่ทำไงดี -_-"(ต้องหาหมอซะล่ะม้าง)  ส่วนผมขอทิ้งท้ายว่า แล้วถ้า a few good men ล่ะ เป็นไง ไม่รู้อ่ะ บังเอิญไม่เคยมี

วัยเด็ก กับ ความเชื่อแปลก ๆ

มิถุนายน 26, 2005

วันก่อนที่ลงเรื่องแบทแมนกับแบทเกิร์ลไม่ได้เป็นแฟนกัน
เกิดไอเดียว่าเรื่องเข้าใจผิดเหล่านี้มีหลายอย่างทีเดียว
และนึกขึ้นได้ว่าเคยได้เรื่องเหล่านี้มาจากหนังสือ "เรือนไทยจัง"
หนังสือของสถาปัตย์จุฬาที่ขายในงานละครเรื่อง "เจ็ดเซียนซามูไร"
ครึ้มอกครึ้มใจจึงได้คัดสรร รวมกับความเชื่อแปลก ๆ ของผมเอง
เอานำมาพิมพ์ใน blog วันนี้ให้อ่านกันเล่น ๆ
อ้อ หากใครคิดอะไรทำนองนี้ออก บอกกันบ้าง
และแอบให้เดาว่าความคิดไหนเป็นของผม

ความเชื่อแปลก ๆ ในวัยเด็ก

  • ด้วงเป็นแมลงสาบที่แข็งแรง
  • ตุ๊กแกเป็นพ่อจิ้งจก
  • จิ้งจกโตขึ้นเรื่อย ๆ จะกลายเป็นจระเข้
  • ถ้าชี้รุ้งกินน้ำแล้วนิ้วจะกุด ต้องแก้เคล็ดโดยเอานิ้วมาจิ้มตูดแล้วดูดทันที
  • เอาไม้หนีบผ้าหนีบจมูกแล้วจมูกจะโด่ง
  • คิดว่าตุ๊กแกกินตับ
  • ยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ยืนหลับอยู่
  • คิดว่าแม่ชีเป็นเมียของพระ
  • แล้วลูกของพระคือเณร
  • คิดว่านอนเตียงเดียวกันแล้วจะท้อง
  • ถ้าไว้ผมยาวจะดูหล่อ
  • วันวาเลนไทน์ต้องติดสติ๊กเกอร์รูปหัวใจ
  • เชื่อว่าฉีดยาเจ็บเท่ามดกัด
  • เคยเชื่อว่าตัวเองหล่อ
  • ม้วนถุงเท้าเป็นกลม ๆ แล้วจะเท่ห์
  • อิ๊กคิวซังฉลาดที่สุดในโลก
  • ในลิ้นชักมีโดเรมอน
  • แล้วโดเรมี่เป็นแฟนโดเรมอน
  • คิดว่าคนในหนังจีนพูดไทยได้
  • คิดว่าโตขึ้นแล้วจะฉลาด
  • เรอคือตดที่ออกทางปาก
  • ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก
  • ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก
  • อิจฉาที่ญี่ปุ่นมียอดมนุษย์เยอะ
  • นางงามจักรวาลต้องไปประกวดกับดวงดาวอื่น
  • น้อยโพธิ์งามเป็นแฟนกับเทพโพธิ์งาม
  • โรลออนมีหน้าสัมผัสเหมือนกาวน้ำหลอด

PS.Apple Music Store เปิดตัวที่ยุโรปและขายเพลงได้มากกว่า 50 ล้านเพลงแล้ว ยอดรวมทั่วโลกตอนนี้เป็น 430 ล้านเพลง และเชื่อว่าจะถึง 500 ล้านเพลงในไม่ช้า (ราคาจำหน่ายเพลงละ 0.99 ดอลล่าห์)

Batman กับ การ Begins

มิถุนายน 24, 2005

< ข้อความใน Blog วันนี้มีการเปิดเผยตอนจบของเรื่อง >


สิ่งที่ประทับใจ ความหม่นมืดแบบได้ใจ กับความสมจริงกว่าเรื่องอื่น
สิ่งที่ไม่ประทับใจ ฉากแอคชั่นที่ไม่รู้ว่าใครชกใคร กับ ความรู้สึกว่าเมื่อไหร่พี่จะเป็นแบทแมนซักทีคร้าบ
คะแนน 7.5 / 10

ถ้าโจทย์ในการสร้างตำนานบทที่ 5 ของ Batman ของ Christopher Noland เป็นความหม่นมืด ความสมจริง และเผยภาพลักษณ์ความเศร้าสร้อย ความขัดแย้ง  ล่ะก็ โกเยอร์ซึ่งเป็นผู้เขียนบทก็ได้ทำหน้าที่ตัวเองได้ดียิ่ง
อย่างไรก็ดีโดยความรู้สึกแล้ว แม้จะมีบางส่วนที่ขัดอกขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็มีส่วนดีส่วนอื่น ๆ ออกมากลบเสียหมด ขอยิงความรู้สึกต่อหนังออกมาเป็นข้อ ๆ แบบไม่เรียงลำดับเวลาดังนี้

1. ขอบคุณที่ชุดแบทแมนภาคนี้ไม่มีหัวนมแล้ว ภาคที่แล้วดูจั๊กกะจี้พิกล
2. กล้ามากที่ตัดเนื้อเรื่องขึ้นใหม่ ทั้ง ๆ ที่ Batman ภาคแรกของทิม เบอร์ตัน ออกบทให้พ่อแม่ของบรูซตายด้วยมือ โจ๊คเกอร์ ภาคนี้กลับเปลี่ยนใหม่กลายเป็นโจรกระจอก เออ ใจถึงดี (บางคนว่าภาคก่อนหน้ามันเละจนกู่ไม่กลับแล้ว)
3. ส่วนตัวแล้วชอบสถาปัตยกรรม"คนแบกตึก" แบบในภาคแรกภาคสองมากกว่า ยอมรับว่ามันแฟนตาซีเกินกว่าจะเข้ากับธีมของหนังภาคนี้ แต่มันชอบไปแล้วน่ะ ทำไงได้
4. รถพี่แบทภาคนี้สมจริงสะใจมาก คือ เห็นเลยว่ามันคู่ควรเพราะมันเป็นฮัมวี่ มันลุยแหลก
5. น่าเสียดายที่ฉากต่อสู้ด้วยมือเปล่าถ่ายใกล้ไปหน่อย มันวูบ ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าใครถีบใคร โอเคคุณอาจอยากให้คล้าย ๆ แบบว่าผู้ร้ายล้มตายโดยไม่ทันรู้ตัว แต่คือผมเวียนหัวน่ะครับ
6. แบทแมนเป็นฮีโร่ที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีพลังวิเศษแบบคนอื่น ขอบคุณที่เลือกศัตรูที่ไม่มีพลังวิเศษเช่นกันมาต่อกร
7. ชอบฉากจบที่สุดท้ายคนบ้าออกมาอาละวาดและหนีไปได้ จนกลายเป็นต้นเหตุของการเกิดผู้ร้ายรายต่อ ๆ ไป เพราะคนเหล่านี้นี่เองเป็นคนเพี้ยน ๆ ที่ได้รับยาจาก ScareCrow (ตามความเข้าใจของผมนะ ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร) โดยส่วนตัวคิดว่ามันตอบโจทย์ได้ครอบคลุม จบได้แบบคลี่คลาย
8. ฉากที่ฝาท่อระเบิดออกมาไล่หลังรถไฟลอยฟ้า เท่ห์สุด ๆ สูสีฉากสู้กันระหว่างสไปดี้ กับ ด็อกออคบนหอนาฬิกาเลยล่ะ
9. อัลเฟรดน่ารักดี
10. 2 ชม. 20 นาที (โดยประมาณ) หนังยาวจังเลย (ถึงว่าไม่สวมชุดซักที)

FUN FACTS
1.เรื่องนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อมา3ครั้งแล้วนั่นก็คือBatman 5,Batman: The FrighteningและBatman: Intimidation Game
2. Christian Bale (พระเอก)ถูกเรียกมา Cast เป็น Dr. Jonathan Crane/The Scarecrow ก่อนในตอนแรกแต่จับพลัดจับผลูได้เล่นเป็น Batman แทน
3. ก่อนหน้านี้ผกก.อย่างDavid FincherและClint Eastwoodเคยโดนทาบทามให้มากำกับ
4. ราส์อังกูล เป็นภาษาอารบิก แปลว่า ศรีษะปีศาจ
5. ในฉบับการ์ตูน ดร.เครนโดนเพื่อนรังแกแต่เด็ก จนกลายเป็นเด็กที่หมกมุ่นกับความกลัวและล้างแค้น จนกระทั่งเขาแต่งตัวเป็นหุ่นไล่กาควงปืนฆ่าแฟนเก่าและทำคู่เดทของเธอพิการ
6. มีแบทแมนภาคลับที่มั่วซั่วมาก ๆ แต่ก็เล่าเรื่องด้วยท่าทีจริงจังไม่แพ้กัน สร้างโดยแฟนพันธุ์แท้ ชื่อว่าBatman : Dead End (2003) ดูได้ที่ http://www.ifilm.com/ifilmdetail/2474406?htv=12 พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
7. ในการ์ตูนยุค 50 นักจิตวิทยา เฟรเดอริค เวอร์แธม บอกว่าแบทแมนกับโรบินมีสัมพันธ์แบบเกย์ เพราะทั้งคู่ใส่ชุดรัดรูปและโรบินสวมเสื้อผ้าสีสันจี๊ดจ๊าด "ให้ตายเถอะ โรบิน!!"
8. ในหนังแบทเกิร์ลไม่ได้เป็นแฟนแบทแมน
9.  แบทแมนเป็นคนธรรมดาที่ต่อสู้โดยใช้สมอง + เงินมหาศาล (คล้ายกับแบทแม้วของเราในนครบางกอกซิตี้)

Christopher Noland กับ Memento และ Insomnia

มิถุนายน 23, 2005

"เราจะใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปในตัวแบทแมน
เขาจะมีพละกำลังก็เพราะวิดพื้น
แล้วเขาเอาอาวุธทั้งหมดนั่นมาจากไหนน่ะเหรอ
ก็เพราะว่าเขาเป็นเศรษฐีพันล้าน
แล้วทำไมต้องใส่ไอ้ชุดบ้านนั่นน่ะเหรอ
ก็จะได้หลอกให้คนกลัวไง
เพราะจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้อยากสู้กับใครเท่าไหร่หรอก"

คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ผู้กำกับ Batman Begins

<เนื้อหาต่อไปนี้มีบางส่วนที่เปิดเผยข้อมูลของเรื่อง Memento และ Insomnia>

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า ดูเป็นSound Track
เพราะฉะนั้นอย่าได้ถามว่าเสียงพี่ดอมหล่อแค่ไหน

งานนี้ต้องขอบอกก่อนว่าจะขอพูดถึง Noland ผู้กำกับเป็นหลัก จากงานกำกับเรื่องก่อนหน้าของเขาที่ผมได้ดู ตั้งแต่ Memento (2000) ซึ่งเป็นสุดยอด สุดยอดหนังทริลเลอร์ในสายตาผม หนังเล่าเรื่องแบบไม่เรียงลำดับเวลา แบบเดียวกับเรื่อง Pulp Fiction (Quentin Tarantino ผู้กำกับ Kill Bill) แต่ฮาร์ดคอร์กว่า ดูยากกว่า ซึ่งเวลานั้นหนังทำเงินได้ทะลุร้อยล้านที่อเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นหนังอินดี้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแห่งปีไปโดยปริยาย แต่พี่ไทยส่ายหน้า เพราะหนังดูยากเกินไปหน่อย

หนังดำเนินเรื่องด้วยตัวเอกที่เป็นโรคความจำสั้น (อย่างที่ดอรี่เป็นใน Finding Nemo น่ะแหละ) เขาจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในเวลา 5 นาที ดังนั้นเค้าจึงพกกล้องโพลารอยด์สำหรับ"จำ"ทุกอย่างแทนเขา พร้อมโน้ตย่อลงบนรูปเพื่อช่วยจำ ส่วนเรื่องสำคัญอย่างการล้างแค้นให้กับภรรยา เขาจะสักไว้บนตัว เพื่อไม่ให้ลืมเรื่องดังกล่าว จี๊ดไหมล่ะ หนังดำเนินเรื่องตัดสลับระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยเรื่องในปัจจุบันเดินเรื่องถอยหลังไป และ อดีตเดินเรื่องไปข้างหน้า และมาบรรจบกันตรงกลาง พร้อมบทสรุปอันน่าตื่นตะลึงในตอนท้าย อย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะงงเกินไป สมมุติว่าเรื่องจริง ๆ ทั้งหมดเรียงลำดับกันแบบนี้

A B C D E F G H I J

จากนั้นหนังเปิดตัวด้วยฉาก A-B เป็นเวลาประมาณ 5 นาทีจากนั้นก็ตัดไปยังฉาก I-J เป็นเวลา ประมาณ 5 นาที ตัดกลับมาที่ B-C อีก 5 นาที แล้วก็เป็น H – I , C-D, G-H, D-E, F-G, จบด้วย E-F ซึ่งหนังทำเอาเรากลายเป็นคนความจำสั้นไปเลย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน I-J นั้นเราไม่สามารถรู้ต้นเหตุได้ว่าทำไมเป็นแบบนั้น จนกระทั่งเราต้องทนดู A-B ก่อน ตามด้วย H-I ถึงจะรู้ได้ แต่เราก็จะลืม I-J แล้ว
พูดง่าย ๆ อยากรู้ต้องดูเอง เชื่อว่าร้านเช่าอาจจะมี DVD ก็ได้ยินเพื่อนบอกว่ามีออกมา (ของเถื่อนนะครับ) ล่าสุดเห็นในตะกร้าลดแลกแจกแถมของร้าน Lion ราคาไม่เกิน 50 บาท รับรองคุ้มสุดคุ้ม ประสบการณ์แปลก ๆ จะเกิดกับคุณอย่างแน่นอน

หลังจากนั้น Insomnia (2002) ในสองปีต่อมา หนังทริลเลอร์ (อีกแล้ว) ว่าด้วยเรื่องประเทศที่พระอาทิตย์ตกเที่ยงคืนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีกลางคืน ตัวเอกพลาดยิงเพื่อนร่วมงานและต้องทนทุกข์กับความเครียดแบบแสนสาหัสจนไม่สามารถนอนหลับได้ แสงสว่างจากพระอาทิตย์ที่ไม่เคยหยุดงานก็รบกวนจนต้องลุ้นกันว่าตัวเอกจะทำยังไงกับปัญหาอันยุ่งเหยิงนี้ให้ได้ หนังมาในโทนฟิล์มนัวพร้อมกับความกดดันแบบหนัก ๆ ให้คนดูรู้สึกอึดอัดเช่นเคย แม้ว่าจะไม่เหนือชั้นอย่าง memento แต่ก็ถือว่าคุมโทนหนังได้เยี่ยม

การรู้ว่าใครกำกับ และเคยดูหนังที่ผู้กำกับเคยกำกับมาก่อนจะช่วยให้เรารู้ว่าเราจะเจอกับอะไร พอมีข่าวว่า noland จะกำกับ Batman นี่ทำผมกรี๊ดสลบ เพราะว่าผู้กำกับโคตรอินดี้ จะจับหนังฟอร์มโต ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ทำให้ผิดหวัง ซึ่งหลังจากออกจากโรงก็พบว่าหนังออกมาถูกใจทีเดียว และคิดว่าหากใครอยากจะดูฉากแอคชั่นมันสลบ บู๊ล้างผลาญแบบ X-Men หรือ Spiderman 1 ล่ะก็อาจผิดหวังได้เนื่องจาก Batman คราวนี้มาแบบหม่นมืดและสมจริงเอาเสียมาก ๆ

ตอนหน้าพบกับความรู้สึกของผมต่อ Batman Begins

PS วงศ์ทนงออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องการปิดตัวของ adayweekly แล้ว ติดตามอ่านได้ที่ http://www.bangkokbiznews.com/jud/wan/

พี่มั่ว กับ เซเว่น (ตอนตี 2 ครึ่ง)

มิถุนายน 17, 2005

ก่อนจะเล่าเรื่องนี้ต้องขออนุญาตปูพื้นฐานความเข้าใจ
เกี่ยวกับอาชีพทำมาหากินของกระผมก่อน

ที่บ้านเปิดร้านขายของ พวกเครื่องเขียน
เครื่องใช้สำนักงาน ขายให้กับหน่วยราชการ
โรงเรียน ร้านค้า โดยมีบริการส่งถึงที่
เปิดสัปดาห์ละ 6 วัน (หยุดวันอาทิตย์)
เริ่มตั้งแต่ 08.00 – 17.30 น.นะครับ
ถ้าใครอยู่อุบลฯอยากอุดหนุนก็ยินดี (แฮ่ม!)

คราวนี้เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อประมาณปีที่แล้ว
ผมเล่นเน็ตจนดึกในคืนวันเสาร์
ตอนนั้นน่าจะประมาณ ตี 2 ครึ่งเห็นจะได้
โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
สำนักงานกับบ้านใช้โทรศัพท์เบอร์เดียวกัน

อยู่คนเดียวในทีแรกก็เสียวสันหลังวาบ
ใครกัน…. โทรมาตอนตี 2
ดังอยู่ 3-4 ทีก็จำใจรับ เพราะไม่อยากให้คนที่บ้านตื่น

ยอร์ช : สวัสดีครับ
พี่มั่ว : ซาหวาดดีค้าบ ล้ำฟ้า หรือเปล่าค้าบ
ยอร์ช : ครับใช่ครับ
พี่มั่ว : สั่งของหน่อยคร้าบบบบ…. (เสียงหวานยืดยาวหยดย้อยมาก
แถมด้วยเสียง ถึ่ง ๆ ปะโล้โป้งถึ่ง และเคาะโต๊ะแคะขวดเป็นแบ็คกราวน์ )

ยอร์ช : เอ่อ คือพี่ครับ ตอนนี้ร้านปิดแล้วนะครับ ปกติร้านเปิด 8 โมงเช้าถึง 5 โมงครึ่ง
ยังไงรบกวนพี่ติดต่อมาใหม่เช้าวันจันทร์นะครับ
(พยายามอดกลั้นด้วยความเป็นนักขายที่ดี)

พี่มั่ว : เหรอ อ้าวนี่ไม่ได้เปิด 24 ชม. แบบเซเว่นหรอกเหรอ
(พร้อมเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ ในวงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์)

ยอร์ช : -"-  เปล่าครับ ไม่ได้เปิด 24 ชม.ครับ
พี่มั่ว : เหรอ ๆ งั้นก็แค่นี้แหละ แหม สั่งของแค่นี้ก็ไม่ได้
ยอร์ช : งั้นสวัสดีนะครับ (เซเว่นก็ไม่รับออเดอร์ทางโทรศัพท์นะเฟ้ย)
พี่มั่ว : อืม อืม ปายล่ะ
ยอร์ช : แกร็ก (วางหูพร้อมกับได้ยินเสียงเฮ ตามมาในสาย)

ก็ได้แต่นั่งขำ ๆ กับตัวเอง
เออ … แบบนี้ก็มีแฮะ

PS. ขอลาพักร้อน 3 วัน วันอังคารจะมา up ใหม่ โปรดติดตาม

คำน่าเอ็นดู กับ ภาษาลาววันละหลายคำ

มิถุนายน 15, 2005

หลุดอีกได้บ่

อึ้งไปเลยตอนที่เจอชาวต่างประเทศอ้ายน้องของไทยเราเอง
พูดตอนที่มาซื้อของที่ร้าน ตอนแรกเข้าใจว่าคงฟังผิดไป
สุดท้ายยิงมาบ่อย ๆ เข้าก็เออ เค้าพูดว่า"หลุด"จริง ๆ นะ
ไม่ได้พูดว่าลดอย่างที่เรา ๆ เข้าใจกัน

ปรากฏสืบทราบว่าในภาษาลาวเนี่ย เวลาต่อราคา
เค้าจะใช้คำว่า หลุด หมายถึงหลุดจากราคาเดิมว่างั้น
ฟัง ๆ ดูก็น่ารักดีนะครับ มาคิด ๆ ดูก็อีกหลายคำเชียว

อย่างถ้าตากผ้าอยู่ระเบียงชั้น 2 พอฝนตก
"ไปกู้ผ้าล่ะบ่หา" (ไปเก็บผ้ารึยังหือ)

หรืออย่างถ้าดูว่ารถถอยจะชนหรือเปล่าอยู่ล่ะก็
"หวิด ๆ ไปได้อีก " (แปลว่าไม่ชน ๆ ไปได้อีก)
อารมณ์ประมาณว่ารอดอย่างหวุดหวิดประมาณนี้
(คำนี้ชาวอิสาณก็ใช้นะครับ)

ถ้าคุณจะไปว่ายน้ำล่ะก็ ต้องบอกว่า
"ไปลอยน้ำ" ขืนไปพูดไหว้น้ำล่ะก็ คนลาวหัวเราะตายเลย
เพราะภาษาเค้าไม่มีคำว่า "ว่าย"

ข้าวของเรียกว่า" เครื่อง"
อย่างเคยมีคนเข้าใจผิด เพราะว่าคนลาวบอกว่า"มาขึ้นเครื่อง"
คือเขาหมายความว่าจะเอาข้าวของขึ้นรถ
พี่ไทย ว่า แกจะขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพฯซะงั้น

หรือถ้าเข้าไปแล้วกระดาษเต็มห้องไปหมด
"โอย มองไปทางได๋ก็เห็นแต่เจี้ย นั่นก็เจี้ย นี่ก็เจี้ย"
ครับ เจี้ย หมายถึง กระดาษในภาษาลาวแบบ original
ไม่ใช่เป็นคำที่เพี้ยนเสียงจากสัตว์เลื้อยคลานแบบบ้านเรา
อย่างไรก็ดีถ้าไม่อยากให้เจี้ยกระเด็นใส่หน้าก็ขอแนะนำ
ให้เวลานั้นยืนห่างจากกองกระดาษซักหน่อยนะครับ

หรืออย่างคุณจะไปขึ้นเรือเพื่อข้ามฟาก
"ได้ปี้ล่ะบ่" แปลว่า "ได้ตั๋วเรือแล้วหรือยัง"
ไม่ได้หมายถึงว่า ……. ตู้ด ………… อย่างภาษาไทยนะครับ

-_-" นี่คือความน่าเอ็นดูของการที่ต่างภาษาก็แบบนี้แหละ

แถม ภาษาลาววันละหลายคำ

ห้องคลอด = ห้องประสูติ
ห้องผ่าตัด = ห้องปาด
ห้อง ICU = ห้องมรสุม
กระดาษทิชชู = เยื่ออนามัย
หมวกกันน๊อค = หมวกกันกระทบ
น้ำแข็ง = น้ำก้อน
แก้ว = จอก
ขวด = แก้ว
(ดังนั้นถ้าคุณขอน้ำเปล่า 2 แก้ว คุณจะได้น้ำเปล่า 2 ขวดแทน)
ชนแก้ว = ตำจอก
ไฟแดง = ไฟอำนาจ
ไฟเขียว = ไฟเสรี
ไฟเหลือง = ไฟเตรียมเบิ้ล (อันนี้ไม่แน่ใจ)
แบดมินตัน = กีลาดอกปีกไก่
ถ่ายรูป = แหกตา
ถ่ายรูปหมู่ = แหกตาสามัคคี
กระทรวงต่างประเทศ = กระทรวงพัวพัน

PS. วันนี้คุณตำจอกหรือยัง
PS2. ขอขอบคุณภาพจาก kkdp.com

หนังที่ดี กับ หนังที่เราชอบ

มิถุนายน 14, 2005

เรื่องมันมีอยู่ว่า
หนังเรื่องเหมือนแร่มันไม่ค่อยจะได้ตังค์
คราวนี้ก็เริ่มเกิดกระแสเชียร์กันขึ้น
โดยเฉพาะใน webboard ของ Pantip
ลองเปิดดูนะครับ เยอะมาก ๆ
คราวนี้หลายคนก็คาดหวังกันว่ากรณีนี้จะเหมือน
ครั้งที่เกิดขึ้นกับ โหมโรง

ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า คนที่ดูหนังเรื่องนี้
แล้วเกิดความรู้สึกเฉย ๆ หรือไม่ประทับใจก็เยอะพอดู
มันไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันแบบกรณีโหมโรง
จนเกิดความคิดแตกต่อได้ว่า
"แล้วคนที่เข้ามาเชียร์และหวังจะเกิด
การกลับมาฟื้นคืนชีพของเหมืองแร่แบบโหมโรงนี้
เป็นคนที่มีผลประโยชน์ร่วมหรือเปล่า"

พูดง่าย ๆ คือ จ้างมาโปรโมตในเน็ต
โดยลอกเลียนโมเดลที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับโหมโรง
(แต่ของโหมโรงนี่เข้าใจว่าไม่ได้เกิดจากแผนการตลาดนะครับ
เพราะทุกคนที่รู้จักนี่ชอบกันหมด)

แต่สิ่งที่อยากจะเล่าในครั้งนี้คือ บังเอิญผมไปอ่านเจอกระทู้หนึ่ง
ใน www.bioscopemagazine.com มีคนมาโพสต์
บอกประมาณว่าตอนนี้ภาวะของเหมือนแร่อยู่ในภาวะดิ้นรน
ในเน็ตปรากฏว่ามีแต่หน้าม้ามาเชียร์ (ซึ่งก็ประเด็นเดิมคือจ้างมาหรือเปล่า)
รำคาญการเชิญดีเจ ดารามาเชียร์กันออกหน้าออกตา
หนังสือหนังบางเล่มก็เชียร์กันจนเว่อร์
และสุดท้ายก็พาดประเด็นไปยังคอลัมนิสต์หนังสือ Bio ว่า
คุณรู้สึกขัดใจอย่างผมหรือเปล่า?

สิ่งที่ประทับใจผมคือ คุณเต้ (คอลัมนิสต์) ตอบอย่างนุ่มนวลว่า
เขาไม่รู้สึกขัดใจอะไรกับกระแสเหมืองแร่ที่เกิดขึ้น
เขารู้สึกปกติมาก ก็ในเมื่อหนังที่ออกมามันไม่ได้เงิน
ทางบริษัทก็ต้องโปรโมทมากขึ้น ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เจ๊ง
ซึ่งคุณเต้มองว่าดีเสียอีกที่ทางต้นสังกัดไม่ได้ทิ้งหนังไป
ยังพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้หนังฟื้น

ส่วนเรื่องการออกมาเชียร์กันในส่วนเว็บบอร์ดนั้น
คุณเต้ว่าเขาไม่มีปัญหากับ "การเชียร์ให้คนไปดูหนังเรื่องนึง"
แต่เขาอาจมีปัญหากับ "การเชียร์ไม่ให้ไปดูหนังเรื่องนึง"

เช่นเขาไม่มีปัญหากับคำว่า เหมืองแร่ดีจัง , ดูแล้วซึ้งสุด ๆ
ว้า แย่มาก ๆ เลย บทไม่ดี ง่วงก็ง่วง ฯลฯ

แต่อาจมีปัญหากับคำว่า อย่าไปดูเหมืองแร่ , อย่าไปเสียค่าโง่ให้คนเล่นของ
อย่าไปดูเดอะเมียเลยค่ะ มันแย่มาก ๆ เชื่อดิฉันนะคะ โปรดเชื่อดิฉันนะคะ

(คุณสามารถอ่านกระทู้เต็มๆ ได้ที่นี่)

รู้สึกเหมือนผมไหมครับว่า "มันเป็นความเห็นของคนรักหนังอย่างแท้จริง"
มันไร้ซึ่งค่าย ไร้ซึ่งความลำเอียง มันเป็นความเห็นที่สมดุลมาก ๆ
เขามองทะลุไปจนถึงเจ้าของทุน ผู้กำกับ ทีมงาน และคนดู

คุณจะวิจารณ์อย่างไรก็ตาม รสนิยมก็ยังเป็นเรื่องส่วนบุคคลอยู่ดี
ภาพยนต์ก็หนีไม่พ้นความจริงข้อนี้
เคยได้ยินที่ใครกล่าวไว้ว่า "หนังที่ดีคือหนังที่เราชอบ"
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาเอาเสียมาก ๆ
ที่ หนังที่เราชอบก็อาจไม่ได้เป็นหนังที่คนอื่นชอบ
ดังนั้นมันเหมาะกว่าที่คุณจะตอบเพื่อนว่า

"หนังเรื่องนี้ดีไม่ดีไม่รู้ แต่กูชอบว่ะ"

 

PS.ยังไม่ดูนะครับเรื่องเหมืองแร่ ส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ กับหนังเรื่อง 15 ค่ำ เลยพลอยเฉย ๆ ไปกับเหมืองแร่ด้วย