ซีไรต์ กับ หนังสือเข้ารอบ 8 เล่มสุดท้าย

แต่ละปีไม่รู้ว่ามีใครติดตามผลประกาศรางวัลไหนกันบ้าง ในปี ๆ หนึ่งมีการประกวดมากมายที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีในทุกวงการ หนึ่งในวงการที่เรียกว่าไม่ค่อยจะคึกคักมาแต่ไหนแต่ไรก็คือวงการหนังสือ ซึ่งรางวัลใหญ่สุดของงานนี้คงจะหนีไม่พ้น รางวัลซีไรต์
 
เข้าใจว่าปีที่ซีไรต์ดังที่สุดน่าจะเป็นปีที่ปราบด้าได้รับรางวัลจากหนังสือที่มีชื่อว่า "ความน่าจะเป็น" ซึ่งเป็นหนังสือที่เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่า มันมี"ความน่าจะเป็น"ต่ำมากที่เราจะอ่านรู้เรื่องผมอ่านตั้งแต่ก่อนหนังสือจะได้รางวัลแล้ว(ส่วนตัวจะเซ็งมากถ้าหนังสือที่ซื้อมามีโลโก้ซีไรต์แปะอยู่ ดูไม่เก๋าเป็นอย่างแรง และจะ cool มากถ้าเล่มที่มีเป็นพิมพ์ครั้งแรก)
 
เรื่องสั้นในหนังสือเล่มดังกล่าวสนุกดี แต่อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่ขอบอกว่าดีหรือไม่ดี เอาเป็นว่าชอบก็แล้วกัน ถึงขนาดตามล่าลายเซ็นคุณปร้าบด้ามาจนได้
 
อันว่าปีนั้นเรื่องมันแหม่ง ๆ (ไม่ใช่เหม่ง ๆ เพราะนั่นคือหัวของเขา) ก็เพราะมีหลายคนเชื่อว่า ภาพลักษณ์ปร้าบด้าที่เป็นลูกนักข่าว เป็นแฟนดารา แถมหล่อร่างใหญ่ จบนอก เขียนหนังสือไม่รู้เรื่อง จะทำให้ซีไรต์เป็นที่กล่าวขาน และ"เป็นข่าว" มากที่สุด (ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ น่ะแหละ)
 
เอาว่าปี ๆ นึงผมก็มีติดตามข่าวสารงานประกวดอยู่ไม่กี่งาน ที่แน่ ๆ ก็มี ซีไรต์ (ไม่นับปีที่เป็นกลอนนะครับ ไม่ใช่แนว) มีออสการ์ และก็คานส์ ส่วนที่เหลือก็ไม่ค่อยสนเท่าไหร่ คิดออกจะบอกอีกทีนะเออ
ปีนี้ซีไรต์เป็นคิวของเรื่องสั้น (เข้าทางมาก) มีเข้าโผทั้งสิ้น 8 เล่มด้วยกันดังนี้
 
1. เจ้าหงิญ ของ บินหลา สันกาลาคีรี
2. ต้นไม้ประหลาด ของ อุเทน พรมแดง
3. นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได ของจักรพันธุ์ กังวาฬ
4. นิทานกลางแสงจันทร์ ของ ประชาคม ลุนาชัย
5. เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง ของศิริวร แก้วกาญจน์
6. ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไป ของจำลอง ฝั่งชลจิตร
7. สายลมบนถนนโบราณ ของ มาโนช พรหมสิงห์
8. อุบัติการณ์ ของวรภ วรภา
 
และแน่นอนปีนี้ก็มีกลิ่นตุ๊ ๆ ของงานประกวดกันเล็กน้อยพองาม แต่เป็นเรื่องของกรรมการที่หายไป 1 ท่านอย่างเป็นปริศนา จากที่เป็น 7 ก็เหลือเพียง 6  หลังจากที่ 6 ท่านบ่ายเบี่ยงอยู่นาน สุดท้ายความจริงก็เปิดเผย ว่ากรรมการที่ต้องจากไปเนื่องจากใช้อำนาจในทางมิชอบ อะแน่ะ ใครว่ามีแต่การเมืองเท่านั้นที่ทำเป็น ก็รอลุ้นกันต่อไป
 
ไม่รู้มีใครได้ตามอ่านบทสัมภาษณ์วงศ์ทนง กับ อธิคมกันบ้างหรือเปล่า ส่วนตัวและหลาย ๆ คนลงความเห็นเป็นที่ตรงกันว่า วงศ์ทนงชกเจ็บกว่า ส่วนอธิคมดูเป็นมวยพริ้วไหว ปรัชญาไปหน่อย เลยดูอ่อนเชิงกว่าในเวทีนี้ แต่ก็เป็นข้อบ่งชี้ที่ดีว่า คนนึงเป็นนักการตลาด คนนึงเป็นนักปรัชญา สมดังว่า "นับถือศาสดาคนละองค์" (แต่ส่วนตัวผมเชียร์บก. คมมาก นะ และงานนี้อธิคมดูเป็นพระเอกกว่า)
 
PS. ว่าแต่ว่าไอ้หนังสือ "เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง" นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย!!
PS2. บิลเกตส์ เยือนไทย พฤหัสนี้ เค้าว่ากันว่าเป็นครั้งแรก แต่ผมว่าอีตาเกตส์นี้คงเคยแอบมาเที่ยวภูเก็ตบ้างแหละ ทะเลบ้านเราดังจะตายเนอะ

มีการตอบกลับหนึ่งครั้ง to “ซีไรต์ กับ หนังสือเข้ารอบ 8 เล่มสุดท้าย”

  1. beer Says:

    มีวางแผงยังอ่ะ..ไม่คุ้นชื่อเลย..ไปร้านหนังสือก็บ่อยเหมือนกันแต่เรายังไม่เห็นเลยอ่ะ…แต่เรื่อง may be อิๆๆ หรือความน่าจะเป้น อ่านจบเหมือนกันค่ะ..แต่เข้าใจยากมั่ก ๆ …ก็ชอบเรื่องแรกของที่ชื่อ ความน่าจะเป็นนะแหละ ชอบตอนที่ทำโฆษนาเรื่องท่านเค้าท์แดร๊กกูลา กับลูกอมดับกลิ่นปาก อ่านละ ฮาดี…555

ใส่ความเห็น