แต่ละปีไม่รู้ว่ามีใครติดตามผลประกาศรางวัลไหนกันบ้าง ในปี ๆ หนึ่งมีการประกวดมากมายที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีในทุกวงการ หนึ่งในวงการที่เรียกว่าไม่ค่อยจะคึกคักมาแต่ไหนแต่ไรก็คือวงการหนังสือ ซึ่งรางวัลใหญ่สุดของงานนี้คงจะหนีไม่พ้น รางวัลซีไรต์
เข้าใจว่าปีที่ซีไรต์ดังที่สุดน่าจะเป็นปีที่ปราบด้าได้รับรางวัลจากหนังสือที่มีชื่อว่า "ความน่าจะเป็น" ซึ่งเป็นหนังสือที่เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่า มันมี"ความน่าจะเป็น"ต่ำมากที่เราจะอ่านรู้เรื่องผมอ่านตั้งแต่ก่อนหนังสือจะได้รางวัลแล้ว(ส่วนตัวจะเซ็งมากถ้าหนังสือที่ซื้อมามีโลโก้ซีไรต์แปะอยู่ ดูไม่เก๋าเป็นอย่างแรง และจะ cool มากถ้าเล่มที่มีเป็นพิมพ์ครั้งแรก)
เรื่องสั้นในหนังสือเล่มดังกล่าวสนุกดี แต่อ่านไม่รู้เรื่อง ไม่ขอบอกว่าดีหรือไม่ดี เอาเป็นว่าชอบก็แล้วกัน ถึงขนาดตามล่าลายเซ็นคุณปร้าบด้ามาจนได้
อันว่าปีนั้นเรื่องมันแหม่ง ๆ (ไม่ใช่เหม่ง ๆ เพราะนั่นคือหัวของเขา) ก็เพราะมีหลายคนเชื่อว่า ภาพลักษณ์ปร้าบด้าที่เป็นลูกนักข่าว เป็นแฟนดารา แถมหล่อร่างใหญ่ จบนอก เขียนหนังสือไม่รู้เรื่อง จะทำให้ซีไรต์เป็นที่กล่าวขาน และ"เป็นข่าว" มากที่สุด (ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ น่ะแหละ)
เอาว่าปี ๆ นึงผมก็มีติดตามข่าวสารงานประกวดอยู่ไม่กี่งาน ที่แน่ ๆ ก็มี ซีไรต์ (ไม่นับปีที่เป็นกลอนนะครับ ไม่ใช่แนว) มีออสการ์ และก็คานส์ ส่วนที่เหลือก็ไม่ค่อยสนเท่าไหร่ คิดออกจะบอกอีกทีนะเออ
ปีนี้ซีไรต์เป็นคิวของเรื่องสั้น (เข้าทางมาก) มีเข้าโผทั้งสิ้น 8 เล่มด้วยกันดังนี้
1. เจ้าหงิญ ของ บินหลา สันกาลาคีรี
2. ต้นไม้ประหลาด ของ อุเทน พรมแดง
3. นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได ของจักรพันธุ์ กังวาฬ
4. นิทานกลางแสงจันทร์ ของ ประชาคม ลุนาชัย
5. เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง ของศิริวร แก้วกาญจน์
6. ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไป ของจำลอง ฝั่งชลจิตร
7. สายลมบนถนนโบราณ ของ มาโนช พรหมสิงห์
8. อุบัติการณ์ ของวรภ วรภา
2. ต้นไม้ประหลาด ของ อุเทน พรมแดง
3. นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได ของจักรพันธุ์ กังวาฬ
4. นิทานกลางแสงจันทร์ ของ ประชาคม ลุนาชัย
5. เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง ของศิริวร แก้วกาญจน์
6. ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไป ของจำลอง ฝั่งชลจิตร
7. สายลมบนถนนโบราณ ของ มาโนช พรหมสิงห์
8. อุบัติการณ์ ของวรภ วรภา
และแน่นอนปีนี้ก็มีกลิ่นตุ๊ ๆ ของงานประกวดกันเล็กน้อยพองาม แต่เป็นเรื่องของกรรมการที่หายไป 1 ท่านอย่างเป็นปริศนา จากที่เป็น 7 ก็เหลือเพียง 6 หลังจากที่ 6 ท่านบ่ายเบี่ยงอยู่นาน สุดท้ายความจริงก็เปิดเผย ว่ากรรมการที่ต้องจากไปเนื่องจากใช้อำนาจในทางมิชอบ อะแน่ะ ใครว่ามีแต่การเมืองเท่านั้นที่ทำเป็น ก็รอลุ้นกันต่อไป
ไม่รู้มีใครได้ตามอ่านบทสัมภาษณ์วงศ์ทนง กับ อธิคมกันบ้างหรือเปล่า ส่วนตัวและหลาย ๆ คนลงความเห็นเป็นที่ตรงกันว่า วงศ์ทนงชกเจ็บกว่า ส่วนอธิคมดูเป็นมวยพริ้วไหว ปรัชญาไปหน่อย เลยดูอ่อนเชิงกว่าในเวทีนี้ แต่ก็เป็นข้อบ่งชี้ที่ดีว่า คนนึงเป็นนักการตลาด คนนึงเป็นนักปรัชญา สมดังว่า "นับถือศาสดาคนละองค์" (แต่ส่วนตัวผมเชียร์บก. คมมาก นะ และงานนี้อธิคมดูเป็นพระเอกกว่า)
PS. ว่าแต่ว่าไอ้หนังสือ "เรื่องเล่าของคนบันทึกเรื่องเล่าที่นักเล่าเรื่องคนหนึ่งเล่าให้เขาฟัง" นี่มันหมายความว่าไงเนี่ย!!
PS2. บิลเกตส์ เยือนไทย พฤหัสนี้ เค้าว่ากันว่าเป็นครั้งแรก แต่ผมว่าอีตาเกตส์นี้คงเคยแอบมาเที่ยวภูเก็ตบ้างแหละ ทะเลบ้านเราดังจะตายเนอะ
PS2. บิลเกตส์ เยือนไทย พฤหัสนี้ เค้าว่ากันว่าเป็นครั้งแรก แต่ผมว่าอีตาเกตส์นี้คงเคยแอบมาเที่ยวภูเก็ตบ้างแหละ ทะเลบ้านเราดังจะตายเนอะ
มิถุนายน 29, 2005 เวลา 1:07 pm |
มีวางแผงยังอ่ะ..ไม่คุ้นชื่อเลย..ไปร้านหนังสือก็บ่อยเหมือนกันแต่เรายังไม่เห็นเลยอ่ะ…แต่เรื่อง may be อิๆๆ หรือความน่าจะเป้น อ่านจบเหมือนกันค่ะ..แต่เข้าใจยากมั่ก ๆ …ก็ชอบเรื่องแรกของที่ชื่อ ความน่าจะเป็นนะแหละ ชอบตอนที่ทำโฆษนาเรื่องท่านเค้าท์แดร๊กกูลา กับลูกอมดับกลิ่นปาก อ่านละ ฮาดี…555